ฝ่ายปกครองปากช่อง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายเกี่ยวข้องตรวจสอบสำนักสงฆ์ พบรุกที่ป่าและปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างไม่ได้รับอนุญาต


เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 สารวัตรกำนันตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หมูสี และนายช่างโยธาชำนาญงาน เทศบาลตำบลหมูสี ลงพื้นที่ตรวจสอบสำนักสงฆ์เทสรังสี (สาขาวัดป่าห้วยลาด) ตั้งอยู่ที่บ้านเหวปลากั้ง ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา บนพื้นที่ 8 ไร่เศษ บนพื้นที่ป่าสงวนของนิคมลำตะคอง เขตติดต่อกับแนวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบพบว่า ทางเข้าสำนักสงฆ์ดังกล่าวมีการก่อสร้างฝายซึ่งเป็นลักษณะเป็นถนนคอนกรีตกั้นขวางลำน้ำ และภายในบริเวณสำนักสงฆ์พบสิ่งปลูกสร้างทั้งที่เป็นอาคารแบบถาวรและกุฏิสงฆ์แบบน็อคดาวน์ ถังเก็บน้ำอีกจำนวนหลายถังอยู่บนเขาที่เป็นลักษณะของเขาหินปูน อีกทั้งมีการสร้างห้องน้ำและห้องสุขาอยู่ติดกับลำน้ำสาธารณะ

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2017

นอกจากนี้ยังพบ พระภักดี จันทร์ประดับ อยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เพียงรูปเดียว อ้างว่าพระที่ดูแลสำนักสงฆ์ติดกิจนิมนต์ที่ต่างจังหวัดและนานๆครั้งจะกลับมาจำวัดและเดินทางรับกิจนิมนต์ต่อเสมอ โดยไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นพระรูปใดและไม่มีเบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อ โดยเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าพระภักดี มีการโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา และพยายามให้เจ้าหน้าที่ฯพูดคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงที่อยู่ในสาย ซึ่งพระภักดี กล่าวอ้างว่าเป็นคุณหญิง ที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พูดคุยปรากฏว่าไม่ได้เป็นคุณหญิงตามที่พระกล่าวอ้างแต่อย่างใด เพียงแต่พระมีการพูดกันไปเองและพยายามสอบถามถึงการตรวจสอบสำนักสงฆ์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยืนยันให้ทางสำนักสงฆ์นำเอกสารที่ขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนของนิคมฯมาแสดง ซึ่งพระภักดีได้นำมาแสดง พบว่าเป็นเอกสารเก่าที่ขออนุญาตเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 ซึ่งมีการให้อนุญาตเพียง 3 ปีภายหลังมีการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ แต่ผ่านมากว่า 6 ปี กับไม่มีการขออนุญาตใหม่ แต่มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นไปบนเขาและมีการทำลายหรือเปลี่ยนแปลงถ้ำที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงมีการตัดไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต

นายกฤษติชัย สุขมังษา สารวัตรกำนันตำบลหมูสี กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ และจะขอตั้งเป็นสำนักสงฆ์ ซึ่งทางนิคมสร้างตนเองลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ได้ให้ทางสำนักสงฆ์ แห่งนี้ดำเนินการขอมติจากชุมชน แต่ทางชุมชนไม่เห็นชอบ เพราะสถานที่แห่งนี้มาขออยู่อาศัยซึ่งเป็นไปไม่ได้ เลยให้กลับไปรวบรวมเอกสารเพื่อมาชี้แจงในที่ประชุมของชุมชน แต่ก็ไม่มีการนำเอกสารมาแสดง แต่กับไปร้องเรียนต่อ เลขา รมต.กระทรวงมหาดไทยว่า ตนเองไม่ยอมให้ตั้งสำนักสงฆ์ จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบว่าการก่อตั้งสำนักสงฆ์ถูกต้องหรือไม่ และขออนุญาตจากหน่วยงานไหน ในวันนี้ได้มีการมาร่วมตรวจสอบด้วยกันในหลายฝ่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ปกครอง เทศบาล ตำรวจ ป่าไม้ เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ก็พบอาคารที่ไม่ได้ขออนุญาตพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ และมีการขุดถ้ำลงไปเพื่อทำกิจกรรมของสงฆ์หรือไม่นั้นไม่อาจทราบได้ ซึ่งมีการพบเห็นร่องรอยและไม่พบเห็นแต่เพียงพระผู้เฝ้าสถานที่เท่านั้น และจะมีการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2017

ด้านพระภักดี จันทร์ประดับ ยอมรับว่าเพิ่งมาอยู่ที่นี่เลยไม่รู้ความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นอย่างไรและอยู่ระหว่างกำลังดำเนินการในการขออนุญาต จึงจำเป็นต้องก่อสร้างขึ้นมาก่อน สำหรับต้นไม้ที่ตัดนั้นรับว่าทางสำนักสงฆ์ตัดจริงเพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบกับพื้นที่ข้างเคียง

ขณะที่นายนนท์เดชากรณ์ วงศ์จารุกิตติ์ นายช่างโยธาชำนาญงาน เทศบาลตำบลหมูสี พบอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตและต้องตรวจสอบว่าบริเวณไหนที่เป็นพื้นที่ของทางนิคมฯ ซึ่งสามารถเช่าพื้นที่ได้ แต่ในเบื้องต้นพบว่าอาคารที่อยู่บนเขาไม่สามารถอนุญาตให้ก่อสร้างได้อยู่แล้ว การดำเนินการขั้นต่อไปหากตรวจสอบแล้วเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในเขตของนิคมฯก็จะมีการสั่งให้รื้อถอนต่อไป ส่วนระยะเวลาในการดำเนินการนั้นต้องกลับไปทำรายงานเพื่อแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบและดำเนินตามลำดับขั้นตอนต่อไป ส่วนเรื่องฝายน้ำล้นนั้นต้องมีการตรวจสอบอีกที่ว่าใครเป็นผู้ครอบครองหรือใครเป็นคนสร้างต้องขอเวลาในการตรวจสอบ

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://www.pakchongnews.com

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2017

Previous Article
Next Article

ใส่ความเห็น

– เยาวชนไทย ก้าวสู่อาชีพในฝัน

คลังข่าวรายเดือน