ชุดพยัคฆ์ไพร ลงพื้นที่ปากช่องบังคับใช้กฏหมายกับกลุ่มนายทุนที่บุกรุกพื้นที่ป่า


เวลา 10.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม 2561 นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยพลโทผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร นายประทีป ทิพย์บรรจง ปลัดอำเภอปากช่อง นายสมชาย อวิคุณประเสริฐ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม. 1 (ปากช่อง) นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ปากช่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กลางดง และหมูสี เข้าตรวจสอบและบังคับใช้กฏหมายกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกสร้างรีสอร์ทในพื้นที่ อ.ปากช่อง

โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่ทำการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นบริเวณ ช่วงหลัก กม.ที่ 9 ถ.ธนะรัตซ์ ทางเข้าเขาใหญ่ ต.หนองน้ำแดง ขณะเข้าตรวจสอบพบว่ามีการใช้รถแบกโฮทำงานอยู่ จากการสอบถามทราบว่าเป็นคนเช่าต่อมาจากเจ้าของ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าที่ดินแปลงนี้ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครอง แต่จากข้อมูลพบว่ามีการซื้อขายกันแล้วในราคาหลายสิบล้านบาท โดยเจ้าของอ้างว่ามีเอกสาร สค. 1 พื้นที่แห่งนี้ประมาณ 100 ไร่ ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีมาแล้ว เรื่องยังอยู่ที่ศาล แต่ก็ยังมีนายทุนมาซื้อทั้งๆ ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์การครอบครอง

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2018

จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร ได้เดินทางไปยังพื้นที่ สวนป่าสัก ริมถนนธนะรัตซ์ กม.12-13 ต.หมูสี อ.ปากช่อง ซึ่งมีข้อมูลว่ามีกลุ่มนายทุนเข้าไปยึดถือครองพื้นที่กว่า 184 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมและดำเนินคดีไปแล้ว โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง อ.ปากช่อง แต่กลับมีรายงานว่ากลุ่มนายทุนได้มีการนำที่ดินบริเวณดังกล่าวออกมาขายต่ออย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย สำหรับที่ดินในจุดนี้ ได้มีบุคคลอ้างเป็นเจ้าของ ทำป้ายมาติดไว้แสดงตัวเป็นเจ้าของทั้งหมด เมื่อเจ้าหน้าที่ขอดูหลักฐานสิทธิ์การครอบครองตามที่มีการกล่าวอ้างนั้น บุคคลดังกล่าวอ้างว่าแม่ตนเองได้เข้ามาทำกินประมาณ 50 กว่าปีแล้วและแม่ก็ตายแล้ว ไม่มีหลักฐาน อะไรเลย แต่จะไม่ยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี บริเวณที่ปลูกบ้าน เนื้อที่ประมาณ 2 งาน ในข้อหาบุกรุกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในวันนี้เจ้าหน้าที่จะไปแจ้งความอีกครั้งที่ สภ.หมูสี เนื่องจากมีการอ้างตัวเป็นเจ้าของที่ดินทั้ง 184 ไร่

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2018

เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานว่ามีการซื้อขายที่ดินบริเวณนี้กันแล้ว 10 ไร่ ไร่ละ 5 ล้าน โดยมีการมัดจำไว้ที่ 1 ล้าน เมื่อทำเอกสารการครอบครองได้จะจ่ายให้อีก 49 ล้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบว่า ที่ดินแปลงนี้ มีนายทุน อยู่เบื้องหลังที่จะหาทางให้เอามาเป็นของตนเองให้ได้ โดยมีการตกลงแบ่งผลประโยชน์กันแล้ว แต่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ไม่ยอม เพราะคนเก่า ๆ เป็นคนปลูกป่าเอง และก็ทราบกันดีว่า มีนายทุนพยายามจะเข้ายึดถือครองกันหลายรายแล้วแต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จนกระทั่งมีกลุ่มนายทุน ให้บุคคลที่แสดงความเป็นเจ้าของ เข้ามาบุกรุกสร้างบ้านขึ้นหลายหลัง ซึ่งก็ถูกแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วแต่ยังไม่ยอมออก และยอมรับว่ามีการแบ่งผลประโยชน์กับนายทุนด้วย ซึ่ง หน. ชุดพยัคฆ์ไพร บอกว่าจะเอาที่ดินแปลงนี้กับมาเป็นของหลวงให้ได้ แม้จะต่อสู้กับนายทุนหรือผู้มีอิทธิพลก็ตาม

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2018

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณบ้านโนนกระโดน หมู่ที่ 4 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สืบเนื่องมาจากคณะทำงานได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดีว่า มีบ้านพักและรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งครอบครองโดยผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกดำเนินคดีไปเมื่อปี 2557 แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเมื่อมีการสอบถามไปยัง อัยการจังหวัดสีคิ้ว(ปากช่อง) พบว่ายังไม่ได้รับสำนวนคดีแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2018

ด้านนายอดิศร นุชดำรง ผู้ตรวจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่บริเวณสวนป่าสัก ริมถนนธนะรัตซ์ กม.12-13 จำนวน 184 ไร่นี้ เดิมเป็นพื้นที่ป่าไม่ถาวรและได้มีพระราชกฤษฎีกาให้เป็นพื้นที่การดูแลของนิคมสร้างตนเองฯและได้มีการล้อมรั้ว ต่อมาในปี 2560 ได้มีชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่ และกล่าวอ้างสิทธิ์ว่าเป็นที่ดินของแม่ เรื่องยังอยู่ขั้นตอนการต่อสู้ในชั้นศาลในการพิสูจน์สิทธิ์ แต่ว่ายังไม่มีการพิสูจน์สิทธิ์ เพราะเรื่องอยู่ในชั้นศาลแล้วและเขาตกเป็นจำเลยในการบุกรุก และปีที่ผ่านมาได้มีการตัดต้นไม้และปลูกสิ่งก่อสร้างถาวร บนพื้นที่ 2 งาน จึงมีการจับกุมดำเนินคดีจำนวน 2 คดี ทั้งการตัดต้นไม้และสร้างที่พักอยู่อาศัย ต่อมาวันนี้พบว่ามีการอ้างสิทธิ์โดยการติดป้ายริมถนนว่าได้ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 184 ไร่ ซึ่งเดิมเคยอ้างสิทธิ์จำนวน 2 ไร่ 2 งาน จึงได้แจ้งว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องขอให้ออกจากพื้นที่ไปก่อนรอให้ศาลตัดสินเป็นที่สิ้นสุดเสียก่อนแต่ก็ไม่ยอมออก เพราะฉะนั้นถือว่าเราได้แจ้งสิทธิ์ให้ทราบแล้วจึงต้องมีการจับกุมอีกคดีหนึ่งในการมีเจตนาที่จะบุกรุกครอบครองพื้นที่ทั้งหมด 184 ไร่

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://www.pakchongnews.com

โพสต์โดย ปากช่องทูเดย์ เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2018

Previous Article
Next Article

ใส่ความเห็น

– เยาวชนไทย ก้าวสู่อาชีพในฝัน

คลังข่าวรายเดือน